เทคนิคดีๆ สำหรับการตั้งเป้าหมาย ปี 2567
สิ้นปีแล้ว ได้ลองทบทวนผลงานปีนี้กันบ้างแล้วไหม ว่าผลงานปีนี้ เราได้ตามเป้าหมายที่เราวางไว้ กี่% และที่ได้ตามเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ คิดว่า อะไรคือปัจจัยแห่งความสำเร็จที่ทำให้เราบรรลุเป้าหมายนี้ ในทางตรงกันข้าม หากเราผลงานในปีนี้ ไม่บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ คิดว่าอะไร คือสาเหตุที่ทำให้เราไม่สามารถบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้
หรือยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่อาจจะส่งผลให้เราไม่สามารถบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ ก็คือ เป้าหมายไม่ชัดเจน
เป้าหมาย ( Goal ) เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถร่นระยะเวลาความสำเร็จในชีวิตของเราได้มาก เพราะเป้าหมายที่ดี จะทำให้เรารู้ว่า เราต้องทำอะไร และผลลัพธ์ความสำเร็จนั้นเป็นอย่างไร และยังทำให้เราสามารถติดตามความคืบหน้าของตัวเองได้ แต่ถ้าหากเราตั้งเป้าหมายได้ไม่ชัดเจน อาจทำให้เราเสียเวลาและขาดทิศทางที่จะพาเราไปสู่ความสำเร็จที่หวังไว้ก็ได้
แม้ปีที่ผ่านมา เราอาจจะยังไม่สำเร็จ หรืออาจเป็นเพราะตั้งเป้าหมายได้ไม่ดี ก็ไม่เป็นไร เพราะอดีต ถือเป็นบทเรียนให้เราได้เรียนรู้ แต่อนาคตที่จะมาถึงนี้ หากเราได้เครื่องมือ ที่จะช่วยให้เราสามารถตั้งเป้าหมายดีๆ ให้กับเราในปีหน้า ก็จะช่วยพาเราไปสู่ความสำเร็จในชีวิต ได้เร็วยิ่งขึ้น
บทความนี้ จึงขอพูดถึง เทคนิคการตั้งเป้าหมายที่จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ และนำไปใช้ในการวางแผนชีวิต ของปี 2567 กัน เพราะหากเราตั้งเป้าหมายชีวิตได้ถูกต้องแล้ว ย่อมทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นอย่างแน่นอน
เทคนิคการตั้งเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพ แบบ SMART
เทคนิคนี้ ถือได้ว่า เป็นวิธีการตั้งเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพอย่างมากและสามารถปรับใช้ทั้งกับชีวิตทำงานและชีวิตส่วนตัวได้
คำว่า SMART ย่อมาจากคำว่า
S = Specific หมายถึง สิ่งที่เฉพาะเจาะจง
M = Measurable หมายถึง สามารถวัดผลได้
A = Attainable หมายถึง เป็นจริงได้ สำเร็จได้
R = Relevant หมายถึง สอดคล้องกับเป้าหมายในระยะยาว
T = Timely หมายถึง มีกรอบเวลาที่แน่นอน
ตั้งเป้าหมายอย่างไร ให้ชีวิตสำเร็จ ?
สิ่งสำคัญก่อนที่จะตั้งเป้าหมายที่ดี ต้องค้นหาแรงจูงใจของเป้าหมายนั้นให้ได้ก่อน ว่า เป้าหมายนี้ สำคัญกับเราอย่างไร เพราะอะไร เราจึงต้องทำให้สำเร็จ ถ้าสำเร็จแล้ว จะส่งผลดีกับเราอย่างไร
ตัวอย่างเช่น ถ้าเราตั้งเป้าหมายว่า อยากจะลดน้ำหนักให้ได้ 10 กิโลกรัม เราจะต้องใช้เวลาพอสมควร และจะต้องต่อสู้กับอารมณ์ภายในของเรา ดังนั้น เราจึงควรตอบคำถามตัวเองก่อน เพื่อให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ด้วยคำถามต่อไปนี้
1. เราต้องการเห็นภาพ อะไร
เราต้องเห็นภาพในหัวอย่างชัดเจนก่อนว่า เมื่อเราทำตามเป้าหมายสำเร็จแล้วภาพนั้นเป็นอย่างไร เช่น หากเป้าหมายของเราคือ การลดน้ำหนักในปี 2567 เราจะต้องจินตนาการถึงภาพที่เรามีหุ่นเพรียวขึ้น ใส่กางเกงตัวเก่าที่เอวเล็กได้ หรือเห็นกล้ามท้องของตนเอง เริ่มมีลอนกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น
2. เพราะอะไร เราจึงอยากทำให้เป้าหมายนั้นสำเร็จ
ยิ่งเรารู้เหตุผลที่มีความเกี่ยวข้องกับ ตัวเอง มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งช่วยให้ทำตามเป้าหมายได้มากขึ้นเท่านั้น เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้เราเกิดความมุ่งมั่นได้มากขึ้น เช่น อยากลดน้ำหนักเพื่อให้ตัวเองรู้สึกมีความมั่นใจมากขึ้น อยากมีหุ่นดีมากยิ่งขึ้น หรือ ช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งเหตุผลนี้ มักจะดีกว่า เหตุผลจากหมอที่ได้กำชับว่า ต้องลดน้ำหนัก
3. เราจะทำให้เป้าหมายนั้น "บรรลุ" ได้อย่างไร
ก่อนที่จะเริ่มลงมือทำตามเป้าหมายนั้น เราควรต้องเขียนออกมาก่อนว่า เราควรต้องทำอะไรบ้างเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยจะต้องเขียนสิ่งที่นึกออกมาให้ได้มากที่สุด หลังจากนั้นค่อยมาวางแผนว่าแต่ละวันควรทำอะไรบ้าง เพื่อช่วยให้เราจดจ่อกับเป้าหมายได้ในทุกๆ วัน และเป็นแรงขับเคลื่อนพาให้เราไปสู่ความสำเร็จ
ลองมาดูตัวอย่างการตั้งเป้าหมายแบบ SMART เพื่อไว้เป็นแนวทางในการวางแผนสำหรับปีหน้ากัน
เป้าหมาย 1 : ฉันจะลดน้ำหนัก จาก 85 กิโลกรัม เป็น 75 กิโลกรัม ภายใน 30 มิถุนายน 2567 ด้วยการออกกำลังกายและควบคุมอาหาร เพื่อจะได้มีสุขภาพที่ดี
Specific : จะลดน้ำหนัก จาก 85 กิโลกรัม เป็น 75 กิโลกรัม
Measurable : วัดผลด้วยการชั่งน้ำหนักที่บ้าน
Attainable : ออกกำลังกายและควบคุมอาหาร
Relevant : การออกกำลังกายและการควบคุมอาหาร จะช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพดีขึ้นตามลำดับ
Timely : จะออกกำลังกายและควบคุมอาหาร ไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567
เป้าหมาย 2 : ออมเงิน ให้ได้ 72,000 บาท ในสิ้นปี 2567 โดยจะเก็บเงิน 20% ของเงินเดือน ในทุกๆ เดือน เพื่อไว้เป็นทุนเรียนต่อปริญญาโท ในปี 2568
Specific : ปีหน้าจะเก็บเงิน 20% ของเงินเดือน ( เป็นเงินประมาณ 6,000 บาทต่อเดือน )
Measurable : โอนเงินไว้ในบัญชีธนาคารที่ไม่ใช่เป็นบัญชีหลัก ที่ไม่มี ATM
Attainable : ภายในสิ้นปี 67 ฉันจะมีเงินออม72,000 บาท ด้วยการออมเงิน 20% ของเงินเดือน
Relevant : จะออมเงินเพื่อไว้เป็นทุนการศึกษา เพื่อใช้เป็นค่าเทอม ปริญญาโท ในปี 2568 เพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถของตนเอง
Timely : จะเก็บเงิน 20% ต่อเดือน ทุกเดือน ตลอดจนสิ้นปี 2567
และนี่ก็คือ ตัวอย่างของการตั้งเป้าหมายแบบ SMART และอย่าลืมใส่ Passion ให้กับตัวเอง เพื่อที่จะช่วยขับเคลื่อนเป้าหมายของเราให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น และสิ่งสำคัญที่อยากให้ผู้อ่านได้ทำเพิ่มด้วยคือ Action หรือลงมือปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ ดังคำที่ว่า Vision without action is merely a dream. Action without vision just passes the time. Vision with action can change the world. Joel A. Barker
สุดท้ายนี้ ขอให้ปี 2567 ที่จะถึงนี้ เป็นปีที่ดีสำหรับทุกคน และขอให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้สำเร็จตามที่มุ่งหวังกันไว้นะครับ